>>4 ตำรับสมุนไพรเยียวยามะเร็ง ตำรับของหมอน้อย

4 ตำรับสมุนไพรเยียวยามะเร็ง
ตำรับของหมอน้อย
คุณหมอบุญยืน  ผ่องแผ้ว  หรือ  หมอน้อย  ครูแพทย์แผนไทยประจำคลินิกหนองบงการแพทย์แผนไทย  จังหวัดลพบุรี  ผู้สืบทอดความรู้การแพทย์พื้นบ้านจากปู่และพ่อ  ซึ่งเป็นหมอยาพื้นบ้านในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  จากนั้นได้ศึกษาเรื่องสมุนไพรเพิ่มเติมจากท่านเจ้าอาวาสวัดที่เคยบวชเรียนด้วย  และจากหมอยาพื้นบ้านชื่อดังในจังหวัดใกล้เคียง


       

          นอกจากนี้หมอน้อยยังเดินป่าเพื่อสำรวจและศึกษาสมุนไพรด้วยตัวเอง จนอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปราชญ์ชาวบ้านของประเทศ  และปัจจุบันหมอน้อยเป็นอาจารย์แพทย์แผนไทยที่อบรมให้ความรู้แก่นักเรียนแพทย์แผนไทยของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเป็นนักวิจัยด้านสมุนไพรในสาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรีอีกด้วย
            และแน่นอนว่าหากเอ่ยถึงโรคร้ายอย่าง “มะเร็ง” แม้จะยังไม่มีงานวิจัยรองรับการแพทย์แผนไทยในวิถีของหมอน้อย แต่ก็นับว่าเป็นอีกทางเลือก (และที่พึ่งทางใจ) ของผู้รักษาจากทั่วสารทิศ ส่วนจะมีตำรับใดบ้างนั้น ผู้จัดทำขอนำมาเสนอ (จากนิตยสารชีวจิต) ดังนี้
            หมอน้อยอธิบายว่า ในคัมภีร์แพทย์แผนไทยเรียกมะเร็งว่า ฝี หมายถึง ก้อนเนื้อก้อนหนองที่ผุดออกมาจากทั้งอวัยวะภายนอกและภายใน
            หมอน้อยเล่าว่า “ในสมัยโบราณใช่ว่ามะเร็งจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เหมือนทุกวันนี้ ถ้ามะเร็งเกิดขึ้นภายนอ ผิวหนังจะมีก้อนเนื้อปูดโปนขึ้นดูน่าเกลียดน่ากลัว น่าขยะแขยง คนสมัยก่อนต่างก็พูดว่ามะเร็งเป็นคำสาปของภูตผีปีศาจ เป็นคนบาปหนา ต้องตกนรกทั้งเป็น บ้างก็ว่าถูกคุณไสยมนตร์ดำ หากใครเป็นมะเร็งก็ต้องตายเสมือนถึงคราวกรรม หรือถูกถูตผีร้ายมาเอาตัวไปนั่นเอง”

ระยะอันตรายของโรคมะเร็ง
            จากการศึกษาและประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ผ่านมาอย่างยาวนาน หมอน้อยแบ่งระยะอันตรายของโรคมะเร็งออกเป็น 5 ระยะ ดังนี้
            ระยะที่ 1  ระยะเริ่มต้น เป็นช่วงที่เซลล์ปกติยังไม่มีอาการ ไม่ขยายตัว ร่างกายเริ่มมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ หมอน้อยอธิบายข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า
            “ตรวจดวงตามดูจะเห็นว่าตาขาวมีเส้นเลือดสีดำปนเหลือง หรือสีแดงปนดำ จะเริ่มมีความแปรปรวนในร่างกาย คือความดันโลหิตสูงและน้ำเหลือเสีย ที่สำคัญคือ บริเวณกลางลิ้นจะแตกเป็นร่อง นั่นคือเริ่มจะมีเชื้อมะเร็งแล้ว”
            ระยะที่ 2  เซลล์มะเร็งเริ่มขยายตัวเป็นก้อนเนื้อ 1 – 2 เซนติเมตร แต่ยังไม่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง ยกตัวอย่างอาการ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด ลูกตาขาวจะกลายเป็นสีเหลือง มะเร็งลำไส้จะมีอาการท้องอืด จุก บางครั้งถ่ายออกมาเป็นเลือด เป็นต้น
            ระยะที่ 3 ก้อนมะเร็งมีขนาด 3 – 4 เซนติเมตร ระยะนี้ยังไม่ลามไปสู่ต่อมน้ำเหลือง เริ่มมีอาการปวดจี๊ดเป็น ๆ หาย ๆ แต่ยังคงกินข้าวและนอนหลับได้เป็นปกติ
            ระยะที่ 4 ระยะลุกลาม ก้อนมะเร็งจะขยายตัวมากขึ้น มีขนาด 5 – 7 เซนติเมตร ลุกลามเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น โดยจะเริ่มมีอาการเจ็บปวดบวมอักเสบที่ก้อนมะเร็ง รวมทั้งกินอาหารไม่ค่อยได้ นอนไม่หลับ อ่อนกำลัง และน้ำหนักลด
            ระยะที่ 5 ระยะเชื้อมะเร็งแพร่กระจาย เซลล์มะเร็งจะลามไปสู่ต่อมน้ำเหลืองและแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ จะมีอาการปวดเมื่อย มีไข้ ไม่มีแรง ปวดศีรษะรุนแรง ปวดไหล่ ปวดท้อง ปวดเข่า ท้องผูก เส้นยืด และมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก


มะเร็ง

สูตร 165 ตัวยาปราบมะเร็ง
            จากประสบการณ์การรักษาคนไข้โดยสมุนไพรมาอย่างยาวนาน หมอน้อยจึงคิดค้นตำรับยาต้านมะเร็งทุกชนิดและบำรุงร่างกาย ที่มีสมุนไพรมากประโยชน์ถึง 165 ชนิดเป็นส่วนประกอบ โดยมีสรรพคุณหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
            1.  แก้ไข้ บรรเทาปวด เช่น ฟ้าทลายโจร หญ้าใต้ใบ หญ้าหนวดแมว พญามือเหล็ก ราชดัด
            2.  รักษาแผลมะเร็งและน้ำเหลืองเสีย  เช่น  หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ แกแล หัวปรงป่า
            3.  บำรุงเลือด  เช่น  เถาวัลย์เปรียง ขี้เหล็ก เถาคันแดง เถารางแดง
            4.  บำรุงฮอร์โมน  หญ้าใบเงิน ไม้ลาย ม้ากระทืบโรง แส้ม้า เปลือกตาลเสี้ยน (ทั้งยังช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง เจริญอาหาร และนอนหลับดีขึ้น
            โดยจะเลือกกินเป็นยาต้มหรือยาผงบรรจุแคปซูลก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ปริมาณการกินขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของมะเร็งแต่ละชนิด จึงควรได้รับการตรวจร่างจากแพทย์แผนไทยโดยละเอียด

สูตรยาป้องกันมะเร็งเต้านม
            หมอน้อยเล่าถึงตำรับยาป้องกันมะเร็งเต้านมซึ่งได้จากประสบการณ์ในการดูแลคนไข้มาอย่างยาวนานว่า
            “ตามหลักแพทย์แผนไทย บอกสาเหตุการเกิดมะเร็งเต้านมไว้มากทีเดียว เช่น น้ำเหลืองเสีย เกิดฝีที่เต้านม โลหิตในร่างกายจาง เกิดลมอุดตันในเส้นเลือดโคนแขน
            “เป็นโรคที่น่ากลัวนะ เพราะในแต่ละวันมีคนไข้มาหาฉันด้วยโรคนี้วันละหลาย ๆ คน และไม่ได้เป็นเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายแท้ ๆ ก็เป็นได้เหมือนกัน” หมอน้อยเล่า ก่อนที่จะเผยสูตรยาป้องกันมะเร็งเต้านมที่มีตัวยาดังต่อไปนี้
            หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นใต้ หัวปรงป่า (ต้นผง) แกแล ขมิ้นชันแห้ง ขมิ้นอ้อยแห้ง บอระเพ็ดแห้ง ว่านนางคำแห้ง ว่านมหาเมฆแห้ง หนักอย่างละ 5 บาท น้ำสะอาด 5 ลิตร ต้มตัวยาทั้งหมดรวมกัน หรือบดตัวยาทั้งหมดเป็นผงละเอียดบรรจุใส่แคปซูล
            วิธีกินยาต้มนั้นให้กรองเฉพาะน้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า – เย็น ส่วนยาแคปซูล กินครั้งละ 3 เม็ด ก่อนอาหารเช้า – เย็น ควรดื่มหรือกินติดต่อกัน 1 เดือน หยุด 1 – 3 เดือน แล้วค่อยกลับมากินใหม่
            ถึงอย่างนั้นหมอน้อยยังย้ำว่า ควรได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์แผนไทยให้ละเอียดเสียก่อน เพื่อให้รู้แน่ชัดว่าป่วยเป็นอะไร แล้วจึงค่อยเลือกรับการรักษา
ว่านสบู่เลือด


ย่านาง
สูตรว่านสบู่เลือด เยียวยามะเร็งเม็ดเลือดขาว
            สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือผู้ที่อยากป้องกันมะเร็งร้ายสารพัดชนิดเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงคุณสาว ๆ ที่อยากมีผิวพรรณผุดผ่อง ห่างไกลสิว หมอน้อยแนะนำสูตรยาที่ใช้รักษาคนไข้จากประสบการณ์ตรง ดังนี้
            “นำว่านสบู่เลือดสด ๆ มาหั่น ตำ ผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่ผลมะเขือพวง กินครั้งละ 2 เม็ด เช้า – เย็น ประมาณ 15 วัน เพื่อบำรุงเลือดให้กลับมาเป็นเลือดที่สมบูรณ์”

สูตรอาหารถอนพิษ ฟื้นฟูสุขสภาพ
            เพราะมะเร็งมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสารพิษหรือสารก่อมะเร็ง ซึ่งปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวที่เราได้รับหรือสัมผัสอยู่ทุก ๆ วัน เช่น สารก่อมะเร็งที่ปนอยู่ในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม หรือยากรักษาโรค ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมการกินอยู่อย่างมีนัยสำคัญ
            หมอน้อยจึงแนะนำสุดยอดอาหารถอนพิษที่สะสมในร่างไว้ว่า
            “ผักบุ้ง ผักกาด ยอดรางจืด ย่านางแดง ย่านางขาว ดอกสลิด (ขจร) ผักปลัง ตำลึง ใบบัวบก หัวไช้เท้า พืชผักและสมุนไพรเหล่านี้ช่วยขับสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งได้ในอนาคต จะเอามาทำเป็นกับข้าว หรือปั่นเป็นน้ำผักไว้ดื่มทุกวันก็ได้ไม่ว่ากัน”
            หมอน้อยบอกต่อว่า การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพก็เป็นการป้องกันมะเร็งได้อย่างหนึ่ง ที่สำคัญ ถ้าเป็นผักผลไม้ต้องเป็นชนิดปลอดสารพิษ


            หมอน้อยยังอธิบายเรื่อง อาหารแสลงที่ผู้ป่วยมะเร็งควรงดกินโดยเด็ดขาด ได้แก่
            1.  เนื้อสัตว์ แมลงต่าง ๆ และปลาไม่มีเกล็ด เช่น ปลาดุก ปลาสวาย ปลาทู เป็นต้น
            2.  อาหารหมักดองทุกชนิด รวมทั้งปลาร้า ปลาจ่อม
            3.  อาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง รวมทั้งนมจากสัตว์ ไข่
            4.  เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำอัดลม
            5.  ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย ละมุด เป็นต้น
            นอกจากเรื่องอาหารและยาสมุนไพรแล้ว แพทย์แผนไทยยังให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น ฤๅษีดัดตน การฝึกโยคะแบบง่าย ๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทั้งยังแนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งนั่งสมาธิ ซึ่งเรียกว่า “สมาธิบำบัด” และสวดมนต์ ซึ่งเรียกว่า “มนตราบำบัด” เนื่องจากการทำสมาธิจะช่วยเสริมสร้าง ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพ
            การรักษาแบบองค์รวมตามวิถีแพทย์แผนไทย จึงอาจเป็นทางหนึ่งในการเยียวยามะเร็งก็เป็นได้


มูลเหตุแห่งมะเร็ง
            ตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย แบ่งมูลเหตุของการเกิดโรคมะเร็งไว้ดังนี้
            1.  กรรมพันธุ์
            2.  การกินอาหารที่ไม่ควรกินและกินของแสลง
            3.  อยู่ในบริเวณที่มีการระบาดของโรค เช่น วัณโรคปอด (ฝีในท้อง)
            4.  เหตุแห่งโบราณโรค คือ ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง รักษาอยู่นาน หายแล้วกลับเป็นซ้ำ จนเกิดภาวะเสื่อมถอยของอวัยวะและร่างกาย อาการนั้นก็พัฒนาต่อเนื่องจนเกิดเป็นมะเร็ง (ฝี/มะเร็ง) เช่น ฝีในมดลูกกลายเป็นมะเร็งมดลูก
            5.  เหตุเกิดแต่อารมณ์ เช่น ความเครียด กลัดกลุ้ม เศร้าโศก วิตกกังวล โกรธอยู่อาจิณ
เรื่อง  ธัญชนิต  คงสมพงษ์
ชีวจิต 404 ปีที่ 17  1 สิงหาคม 2558

2 + 1  สูตรสู้มะเร็งตับ
โดยแพทย์ราชสำนัก 
อาจารย์คมสัน  ทินกร ณ อยุธยาทายาทลำดับที่ 6
ของคลิกนิกการแพทย์แผนไทยหม่อมราชวงศ์สอาด  ทินกร
มะเร็งตับ


ราบัวไทย

1.  ล้อมตับ ดับพิษตับ ตำรับกล่อมนางนอน
            ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งตับและยังไม่เคยรับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน อาจารย์คมสันฯ เปรียบให้ฝีมะเร็งนั้นเป็นดั่งรังมดแดงบนยอดมะม่วง ซึ่งยังไม่มีใครไปแหย่ให้แตกรัง
            วิธีจัดการคือจะใช้การ “ล้อม ไว้ไม่ใช้โตขึ้น ด้วยการตัดทางลำเลี้ยงอาหารของรังมด ด้วยการงดอาหารที่จะไปบำรุงฝีมะเร็ง เช่น เนื้อสัตว์ นม เนยทุกชนิด ยกเว้นปลามีเกล็ด ของหมักดอง ของดิบ อาหารประเภททอด แต่เราก็จะไม่ปล่อยให้ตับอ่อนแอ หมอจึงจัดตำรับยากล่อมนางนอนสูตรนี้ตามคัมภีร์โรคนิทานเอกสารโบราณของการแพทย์แผนไทย
            ส่วนตัวยาคร่าว ๆ ยกตัวอย่างเช่น กฤษณา กระลำพัก ชะลูด อบเชย ชะเอมเทศ น้ำประสานทองสะตุ ผงใบลาน กระดองปูป่า ชะมด พิมเสน เป็นต้น ปรุงยาตามสูตรแล้วให้ผู้ป่วยกิน ช่วยล้อมตับดับพิษตับ
            สูตรนี้สามารถใช้ควบคู่ไปกับการพอกยาเย็น โดยมีตัวยาคร่าว ๆ ดังนี้ โคลนจากบ่อเกลือสินเธาว์ เถาบอระเพ็ด ลูกกระดอม ลูกเบญกานี เตรียมยาเรียบร้อยแล้วแพทย์ไทยที่คลินิกจะทำหัตถการพอกยาบนร่างกาย ซึ่งอาจารย์คมสันฯ กล่าวว่าจะช่วยลดความร้อนของตับได้

2.  บำรุงตับให้แข็งแรง ต้อนมดคืนรัง
            ในส่วนของผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันไปแล้ว เช่น การผ่าตัด ฉายรังสี ให้เคมีบำบัด จากประสบการณ์การรักษาคนไข้ของอาจารย์คมสันฯ จะถือว่าฝีมะเร็งนั้นกลายเป็นมดแดงแตกรัง พิษได้กระจายไปตามเลือดและน้ำเหลืองแล้ว การจัดตำรับยาจึงต้องให้อาหารที่รังเพื่อล่อมดกลับคืนมา นั่นก็คือ การบำรุงตับให้แข็งแรงนั่นเอง
            หัวใจของการบำรุงตับคือการใช้ยารสขม ยกตัวอย่างเช่น นมผักกระเฉดหรือนมผักตบชวา เถาบอระเพ็ด ลูกกระดอม ลูกใต้ใบ ใบย่านาง ใบขี้เหล็ก ใบสะเดา สัดส่วนแล้วแต่จะหาได้หรือเสมอกัน นำสวนผสมไปต้มกรองน้ำ นำมาจิบเป็นยา
            แต่การกินยาตำรับแบบฉบับแพทย์แผนไทยนั้น ไม่ควรกินต่อเนื่องยาวนาน และถ้าไม่ได้ป่วยห้ามกินหรือใช้เป็นยาบำรุงเด็ดขาด เพราะหากตับเย็นขึ้นมาจะเกิดผลเสียแทนที่จะเป็นผลดี ดังนั้น จึงควรอยู่ในความดูแลของหมอจะดีที่สุด

3. เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ป่วยไม่ป่วยก็กินได้กินดี
ส่วนผสม
            น้ำข้าว (จากข้าวแดง) เมล็ดถั่วพู หญ้าแห้วหมู รากบัวไทย และลูกเดือย
วิธีทำ
            1. นำเมล็ดถั่วพู หญ้าแห้วหมู รากบัวไทย และลูกเดือยมาต้มรวมกัน สัดส่วนแล้วแต่จะหาได้ จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ
            2.  ผสมน้ำต้มถั่วกับน้ำข้าวเข้าด้วยกัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย อาจเติมเกลือและและน้ำตาลทรายเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
            เท่านี้ก็ได้เครื่องดื่มรสชาติดีที่ช่วยให้สดชื่น มีเรี่ยวแรง บำรุงกำลัง ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เพียงวันละแก้ว ดื่มแทนนมได้เลย ดื่มได้ทุกวัน ไม่ว่าป่วยหรือไม่ป่วยก็ดื่มได้
            ทั้งหมดคือตำรับยาจากแพทย์แผนไทยแท้ ๆ “ราชสกุลทินกร” ที่ไม่เคยมองว่า “มะเร็ง” เป็นโรคที่น่ากลัว แต่กลับเป็นอาการผิดปกติที่มีการรักษามาแต่โบราณกาล ซึ่งอาจารย์คมสันฯ มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะอนุรักษ์วิชาเหล่านี้ไว้ให้เป็นสมบัติของชาติสืบไป
เรื่อง  สุนิสา  สมคิด
ชีวจิต 404 ปีที่ 17  1 สิงหาคม 2558





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น